บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

คนที่ 08


ครั้งที่ 1 วันพุธ ที่  เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2554

พอหลับตาลงและได้ค่อยๆ นึกถึงดวงใสตามที่ ดร.มนัส ได้พูดให้เราค่อยคิดตาม ข้าพเจ้าก็ได้ทำเหมือนที่ ดร.มนัสพูด แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เห็นอะไร ต่อจากนั้นมีความรู้สึกข้าพเจ้าก็เริ่มอึดอัด คิดไปเรื่องโน่นเรื่องนี้ ทำให้จิตใจวอกแวก ข้าพเจ้าลองพยายามตั้งสติเพื่อเข้าถึงดวงใสอีกรอบ แต่ก็ทำไม่ได้ จนกระทั่งเวลาหมดข้าพเจ้าก็ยังไม่เห็นดวงใส

ครั้งที่ 2 วันพุธ ที่ เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2554

ครั้งนี้ข้าพเจ้าได้ตั้งใจที่จะลองตั้งสติและสมาธิเพื่อให้เห็นดวงใสในท้องให้ได้ เมื่อหลับตาข้าพเจ้าก็ค่อยๆ เริ่มนึกถึงภาพทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ มีลมพัดเย็นๆ และมีเพียงข้าพเจ้าที่อยู่ตรงนั้น และตลอดเวลาในการรวมสมาธิ ข้าพเจ้าก็ได้ท่องคำว่า ใจสบายไปเรื่อยๆ และค่อยๆ นึกถึงดวงใสให้อยู่ตรงกลางท้อง ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนเราเพ่งเล็งอะไรที่อยู่ในท้องของเรา อาจจะเป็นเพราะเพ่งเล็งเกินไป มันจึงทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเวียนหัว และทำให้ในขณะที่หลับตาเหมือนมองเห็นเป็นสีเขียว แดง เหลือง สีต่างๆ มากมายทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถหลับตาตั้งสติต่อได้ ในครั้งนี้ข้าพเจ้าได้ลืมตาขึ้นก่อนเพื่อนๆ ทุกคน

ครั้งที่ 3 วันพุธ ที่ 14 เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2554

ข้าพเจ้าได้ตั้งใจอีกครั้งว่าครั้งนี้ข้าพเจ้าจะต้องเห็นดวงใสและทำใจให้เป็นเข็มเอาไปแทงตรงกลางของดวงใสให้ได้ ข้าพเจ้าหลับตาและนึกถึงภาพทุ่งหญ้ากว้าง มีลมพักเย็นๆ เหมือนครั้งที่แล้ว และอีกไม่นานข้าพเจ้าก็เริ่มเห็นแสงกลมๆ อยู่ที่กลางท้องของข้าพเจ้า ถึงแม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่ครั้งนี้ไม่รู้สึกเวียนหัวเหมือนครั้งที่แล้ว อาจเป็นเพราะข้าพเจ้าไม่ได้เพ่งเล็งเหมือนใช้สายตาหาดวงใส ครั้งนี้ข้าพเจ้าใช้ลมหายใจ สติ และความคิดในการค้นหาดวงใส และข้าพเจ้าก็เริ่มคิดตามที่ ดร.มนัส ได้บอกว่า ให้คิดว่าใจเราเป็นเข้มและแทงลงไปกลางดวงใส  ข้าพเจ้าก็ค่อยๆ เริ่มคิด แต่พยายามทำใจให้เป็นเข็มเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้สักที ข้าพเจ้าก็เลยหยุดคิดว่าใจเป็นเข็ม และนั่งนึกถึงเพียงแค่ดวงใสที่อยู่ในท้องเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งเวลาหมด ข้าพเจ้าค่อยๆลืมตาขึ้น และดีใจที่ครั้งนี้ไม่รู้สึกเวียนหัวและง่วง แถมยังรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เหมือนรู้สึกว่าจะเรื่องรู้เรื่อง และยังรู้สึกว่าได้บุญอีกด้วย

ครั้งที่ 4 วันพุธ ที่ 4 เดือน มกราคม พ.ศ. 2555

เมื่อหลับตาข้าพเจ้าก็ตั้งสมาธินึกถึงดวงใสให้อยู่ที่หางตาข้างซ้าย เมื่อข้าพเจ้าเริ่มนึกถึงดวงใสไว้ที่หางตาได้แล้ว ข้าพเจ้าก็ตั้งจิตให้ดวงใสนั้นอยู่ที่ปลายจมูก การทำเช่นนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าได้เห็นดวงใสมีอยู่จริงๆ และก็ค่อยๆ ให้ดวงใสเล็กๆ นั้น เคลื่อนมาที่กลางท้อง ขณะนั้นดวงใสในท้องของข้าพเจ้ามันมีรูปร่างไม่ค่อยจะโตนัก เป็นวงกลมเล็กๆ และมีแสงต่างๆ เกิดขึ้นบริเวณวงกลมเล็กน้อย มันทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกสบายปล่อยวาง ไม่ฟุ้งซ่าน ข้าพเจ้าจึงใช้สมาธินั้นทำให้ดวงใสพองโต จากนั้นข้าพเจ้าก็นึกในใจของเรานั้นเป็นเข้มที่ปลายแหลมและคมที่สุดในโลก โดยที่ดวงใสก็ยังคงอยู่ในท้องของข้าพเจ้า และค่อยนึกว่าเรานำเข็มที่แหลมคมที่สุดของเรานั้น ได้ทิ่มลงไปกลางดวงใสที่อยู่ท้องเรา แต่ข้าพเจ้านึกเท่าไหร่เข็มที่แหลมคมเล่มนั้นก็ไม่สามารถทิ่มแทงดวงใสดวงนั้นได้อยู่ดี ข้าพเจ้าจึงนึกเอาว่าดวงใสนั้นได้เคลื่อนเข้าไปหาเข้มที่แหลมคมแทน และทิ่มลงไปกลางดวงใส แต่ก็ไม่สำเร็จเช่นเดิม ข้าพเจ้าจึงหยุดนึกถึงเข็มที่จะทิ่มแทงลงกลางดวงใส และข้าพเจ้าก็ลืมตาทันที ทั้งที่ ดร.มนัส ยังไม่ได้สั่งให้ลืมตา

ครั้งที่ 5 วันพุธ ที่ 26 เดือน มกราคม พ.ศ. 2555

เมื่อข้าพเจ้าหลับตาและนึกถึงดวงใส ข้าพเจ้าก็ได้นึกถึงลูกฟุตบอลกลมๆ หนึ่งลูก จากนั้นข้าพเจ้าก็นึกว่าฟุตบอลลูกนั้นเป็นลูกกลมๆ สีเหลืองๆ แล้วก็ย้ายดวงใสมาที่ตรงกลางท้องอีกสักพักหนึ่ง ดวงใสที่ข้าพเจ้านึกขึ้นมานั้นมันเริ่มสว่าง และใสขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ และอีกไม่นานก็มีภาพต่างๆ เกิดขึ้นในหัวของข้าพเจ้ามากมาย คล้ายๆ เหมือนจะหลับแต่หูของข้าพเจ้าก็ยังคงได้ยินเสียงที่ ดร.มนัส พูด ทำให้ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังฝันอยู่หรือไม่ อีกไม่นานข้าพเจ้าก็รู้สึกสะดุ้งและลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกงุนงง และเป็นช่วงที่ได้เสียง ดร.มนัส พูดว่า ลืมตาขึ้นช้าๆ นั้นหมายความว่าการฝึกจิตภาพครั้งนี้ได้หมดเวลาลงแล้ว

ครั้งที่ 6 วันพุธ ที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข้าพเจ้าหลับตาและค่อยๆ นึกถึงดวงใสขึ้นมา 1 ลูก แต่ดวงใสนั้นข้าพเจ้านึกเป็นลูกบอลสีเหลืองนวลๆ ก่อน และอีกไม่นานตัวข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนลอยๆ คล้ายกับจะลอยขึ้นจากเก้าอี้และดวงใสก็เริ่มสว่างขึ้นจากวงกลมที่คล้ายดวงจันทร์สีเหลือง แต่ตอนนี้กลายเป็นดวงใสวงกลมๆ อยู่ในกลางท้องของข้าพเจ้า และต่อมมาก็นึกให้ใจเราเป็นดั่งเข็มเย็บผ้าทิ่มลงไปกลางดวงใส และในไม่นานดวงใสในท้องของข้าพเจ้าก็เริ่มใหญ่จนท้องของข้าพเจ้าก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น และเห็นภาพคล้ายกับมีพระพุทธรูปอยู่ที่กลางท้องแต่เป็นองค์ขนาดเล็กและคล้ายกับว่าเราสามารถสื่อสารกับท่านได้ข้าพเจ้าจึงได้นึกว่าตัวเองนั้นกำลังได้ก้มกราบท่านและตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่ามันมีความรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกผ่อนคลายมีความสุขทั้งๆ ที่นั้นอยู่เฉยๆ และเมื่อได้ยินเสียงที่ ดร.มนัสให้เริ่มแผ่เมตตา ข้าพเจ้าก็ทำตามนั้นโดยแผ่ให้กับญาติพี่น้อง สัตว์ที่ร่วงโลกทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรและคนที่เสียชีวิต และก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น การฝึกจิตภาพครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเหมือนได้ทำบุญด้วย

ครั้งที่ 7 วันพุธ ที่ 8 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดูเหมือนว่าเราได้ปฏิบัติการฝึกจิตภาพเช่นนี้มาหลายครั้งแล้วและครั้งนี้จึงเป็นไปได้ไม่ยากนัก ข้าพเจ้าไม่ต้องนึกดวงจันทร์ที่มีสีเหลือง หรือ ลูกบอลกลมๆ แต่ข้าพเจ้าสามารถเห็นดวงใสได้โดยหลับตาและตั้งสมาธิเพียงไม่นาน และต่อมาก็เกิดดวงใสอันใหญ่โตเกิดขึ้นอยู่ในท้อง ทำให้ตอนนี้เกิดความรู้สึกตัวเบาๆ คล้ายจะลอย และเกิดเห็นองค์พระพุทธรูปขนาด 2 วาเกิดขึ้นในท้องอยู่ตอนนี้ และองค์พระพุทธรูปก็เริ่มสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ข้าพเจ้าจึงนึกให้ตัวตนของข้าพเจ้าที่มีรูปร่างเหมือนกับตัวของข้าพเจ้าได้เข้าไปกราบท่าน แต่ว่าเมื่อนึกนึกตัวของข้าพเจ้า หญิงสาวคนนั้นกลับไม่ใช่หญิงที่มีหน้าตาที่ไม่เหมือนกับข้าพเจ้าเลย และใส่เสื้อผ้าคนละอย่างกันอีกด้วย ข้าพเจ้าจึงท่องในใจว่า ดับอธิฐาน ดับอธิฐาน ถอนปาฏิหารย์ ถอนปฏิหารย์  ไปเรื่อยๆ และท่องต่อว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ตัวตนของข้าพเจ้าและขอให้ตัวตนของข้าพเจ้าที่แท้จริงจงปรากฏด้วยเถิด ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อได้กล่าวเช่นนั้น จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นที่ไม่ใช่ข้าพเจ้าเริ่มกลายเป็นหญิงที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนข้าพเจ้าได้ขึ้นมาทันที และข้าพเจ้าก็ได้กราบที่พระพุทธรูปองค์นั้น ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกมีความสุขมากมาย และข้าพเจ้าก็ได้ถามท่านว่า ข้าพเจ้าจะเรียนจบภายใน 4 ปีเหมือนเพื่อนๆหรือไม่ ตอนที่ข้าพเจ้าถามพระองค์นั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ได้คิดว่าข้าพเจ้าจะได้รับคำตอบจริงๆ แต่ไม่น่าเชื่อว่าท่านกำลังพยักหน้าให้ข้าพเจ้าเหมือนเป็นคำตอบซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากที่สุดที่ข้าพเจ้าได้เจอมา โดยไม่คิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่เรานึกขึ้นมานั้นจะสื่อสารกับเราได้จริง

ครั้งที่ 8 วันพุธ ที่ 15 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ฝึกจิตภาพในวิชาภาษาไทย ก่อนที่จะหลับตาข้าพเจ้าได้ปล่อยวางเรื่องทุกอย่างและรวมสติตัวเองให้มีสมาธิมากขึ้น และนึกถึงดวงใส พอนึกถึงภาพดวงใสก็ได้เกิดขึ้นในท้องของข้าพเจ้า และเป็นดวงใสที่สว่างและเห็นได้ชัดเจน และท่องว่าส่งใจไปกลางดวงใสนั้นก็เกิดขึ้นในท้องของข้าพเจ้า อีกไม่นานดวงใสก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น เหมือนท้องของเราก็ขยายใหญ่มากเช่นกัน และทำให้เริ่มค่อยๆเห็นพระพุทธองค์อีกครั้งเป็นองค์เดิมเหมือนที่ข้าพเจ้าเคยได้เห็นมาแล้ว และความรู้สึกมีความสุขปล่อยวางและผ่อนคลาย ครั้งนี้ข้าพเจ้าได้ถามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า เมื่อข้าพเจ้าเรียนจบแล้วจะมีงานดีๆ ทำหรือไม่ ท่านก็พยักหน้าให้ข้าพเจ้าเหมือนครั้งที่แล้วเลย และได้นั่งต่อไปเรื่อยๆและได้พบกับช้างที่มีสีใสๆ คล้ายช้างเผือก แต่ ดร.มนัส บอกว่ามี 7 อย่างแต่ข้าพเจ้าเห็นเพียงแค่ช้าง และจักรที่มีลักษณะเหมือนในหนังที่ข้าพเจ้าเคยดูในสมัยตอนเป็นเด็กๆ  เวลานี้ทำให้ข้าพเจ้ามีความอิ่มอกอิ่มใจยิ่งนัก

สรุป
การที่ได้ฝึกจินตภาพทั้ง 8 ครั้งนี้  ทำให้ข้าพเจ้ามีสมาธิในการอ่านหนังสือมากขึ้นเพราะในเมื่อก่อนข้าเจ้าเป็นคนที่อ่านหนังสือได้น้อยมาก อ่านไม่กี่หน้าก็ฟุ้งซ่าน แต่หลังจากที่ได้ฝึกทำให้อ่านหนังสือได้เข้าใจมากขึ้น ทุกครั้งที่ฝึกจิตรภาพจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน และทุกๆครั้งที่ได้ฝึกจิตรภาพเหมือนเราได้ทำบุญอีกอย่างหนึ่งเพราะเราได้แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวร ญาติมิตร สัตว์ร่วมโลกทั้งหลายเค้าก็จะได้รับส่วนบุญส่วนกุศลไปด้วย

 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น