ประโยชน์ของจินตภาพมีหลากหลายมาก สามารถกล่าวได้ว่า เป็น “แก้วสารพัดนึก” ประเภทหนึ่ง
ท่านที่อ่านบล็อกนี้มาแต่ต้นจะเห็นได้ว่า จินตภาพใช้ในการบำบัดโรคได้ จินตภาพใช้ในการพัฒนาทักษะทางกีฬาได้ จินตภาพใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนได้ ฯลฯ
เพื่อให้เห็นประโยชน์ของจินตภาพในรูปแบบของงานวิชาการ ผมขอยกตัวอย่างประโยชน์ของจินตภาพ ซึ่งนักวิชาการหลายท่านได้กล่าวถึงไว้ดังนี้
ไวน์เบิร์กและกูล (Weinberg and Gould, 1999 : 266-273) อธิบายว่า จินตภาพเป็นการเกี่ยวโยงไปถึงจินตนาการ/ภาพภายในจิตใจ การเคลื่อนไหว การทรงตัว การได้ยิน ระบบ สัมผัส และการรับรู้เรื่องกลิ่น ประสาทสัมผัสเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ซึ่งจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ 4 ประการ ดังนี้
1) เพื่อเป็นการปรับปรุงสมาธิหรือช่วยให้มีสมาธิที่ดี (Improve concentration)
2) เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น (Build confidence)
3) เพื่อเป็นการควบคุมการตอบสนองของอารมณ์ (Control emotional responses)
4) เพื่อเป็นการเรียนรู้และการฝึกทักษะกีฬา (Acquire and practice skills)
ชิมอนตัน (Simonton, 1980 อ้างถึงใน ฉัตรแก้ว สุทธิพิทักษ์, 2535 : 48-49) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการฝึกการจินตนาการภาพและการฝึกผ่อนคลายไว้ว่า
1) เป็นเครื่องมือในการลดความตึงเครียด และความวิตกกังวลต่างๆ
2) ช่วยในการลดความหวาดกลัว ความหวาดกลัวส่วนมากจะเกิดขึ้นมาจากความรู้สึกที่อยู่ภายนอกอำนาจการควบคุมของจิตใจ การฝึกจินตนาการภาพและการฝึกผ่อนคลายจะช่วยให้บุคคลสามารถควบคุมตนเองได้
3) ช่วยในการเปลี่ยนแปลงเจตคติและเป็นพลังในการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
4) สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในร่างกาย คือ ร่างกายจะสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคและช่วยในการป้องกันสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ เนื่องจากขบวนการทางจิตมีอิทธิพลโดยตรงต่อระบบภูมิคุ้มกันและการรักษาระดับฮอร์โมนของร่างกาย ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย จึงมีผลโดยตรงต่อระบบความคิดด้วยเช่นกัน
5) สามารถที่จะใช้เป็นวิธีการในการประเมินความเชื่อในขณะปัจจุบันและแก้ไขความเชื่อเหล่านั้นได้ การเปลี่ยนแปลงในเรื่องของสัญลักษณ์และภาพพจน์ต่างๆ นี้สามารถจะใช้เป็นกลไกในการเปลี่ยนแปลงความเชื่อต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพได้
6) เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกับระดับจิตไร้สำนึกของมนุษย์ ซึ่งเป็นระดับที่ความเชื่อต่างๆ ได้ถูกเก็บไว้
7) ช่วยในการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกผิดหวัง และความรู้สึกสิ้นหวังให้กลับมีความรู้สึกมั่นคง และมองโลกในแง่ดี
นอกจากประโยชน์ของจินตภาพที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว จากการทบทวนเอกสารที่เกี่ยวข้องพบว่า มีงานวิจัยในประเทศที่ศึกษาเพื่อนำประโยชน์ของจินตภาพไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น ในด้านการรักษาพยาบาล พรทิพย์ จุลเหลา (2548) พบว่า จินตภาพลดความเครียดของผู้ป่วยโรควิตกกังวลได้ ปริญญา สนิกะวาที (2542) พบว่า จินตภาพสามารถลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัดได้ ในการศึกษาเกี่ยวกับความเครียดของนักเรียนของ สุกัญญา ไชยคุณ (2543) พบว่า การฝึกจินตภาพลดความเครียดของนักเรียนได้
เกี่ยวกับการเรียนโดยตรง ทวีพร สุขแสง (2545) พบว่า จินตภาพส่งเสริมความสามารถในการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษ และเจตคติของนักเรียนได้
ในด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจินตภาพก็สามารถพัฒนาได้เช่นกัน จากงานวิจัยของ ยอดกัลยาณี ลับแล (2546) พบว่า จินตภาพสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทักษะยิมนาสติกได้ และมนต์ชัย สิทธิจันทร์ (2547) ก็ยังพบว่า จินตภาพสามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาฟิสิกส์และความสามารถในการจินตนาการเกี่ยวกับความรู้ฟิสิกส์ได้ นอกจากนั้นแล้ว วรรณภา พงษ์ดี (2545) พบว่า จินตภาพสามารถพัฒนาการส่งการบ้านของนักเรียนได้
การฝึกจินตภาพกับการกีฬามีการศึกษากันมากเช่นเดียวกัน เช่น สุกัญญา ลิ้มสุนันท์ (2543) พบว่า จินตภาพพัฒนาความสามารถในการเสิร์ฟลูกสั้นและลูกยาวในกีฬาแบดมินตันได้ อวยพร คล่องณรงค์ (2547) พบว่า การฝึกจินตภาพพัฒนาความแม่นยำในการเสิร์ฟวอลเลย์บอล ได้ ในการศึกษาล่าสุด เกรียงไกร นาคเทวัญ (2550); ณฐพล มาฬมงคล (2550) พบว่า การฝึกจินตภาพพัฒนาความสามารถในการยิงประตูฟุตบอลได้
โดยสรุป
จินตภาพหรือการสร้างภาพในใจเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่สามารถทำได้ เป็นหลักการที่สามารถศึกษาได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ดังเช่นสาขาวิชาทั้งหลายที่จัดให้นักเรียนได้ศึกษาหาความรู้กัน ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยาก หรือลึกลับซับซ้อน ดังเช่น ไสยศาสตร์ หรือโหราศาสตร์
การใช้ประโยชน์ของจินตภาพนั้น เมื่อแรกเริ่มนักจิตวิทยานำมาใช้เพื่อลดความเครียดของผู้ป่วย แต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการนำผลของการฝึกจินตภาพไปใช้ในสาขาวิชาต่างๆ กว้างขวางขึ้น
การฝึกจินตภาพดังที่ได้กล่าวมานั้น มีขั้นตอนการฝึกและผลที่ได้รับคล้ายๆ การสอนปฏิบัติธรรมของวิชชาธรรมกายมาก จนสามารถกล่าวได้ว่า การฝึกวิชชาธรรมกายเบื้องต้นกับการฝึกกายธรรมจินตภาพมีลักษณะทางพื้นฐานหลายประการร่วมกันหรือเป็นไปในทำนองเดียวกัน
ในเมื่อการฝึกจินตภาพเป็นที่ยอมรับกันในทางวิทยาศาสตร์และนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมาก การฝึกวิชชาธรรมกายก็ควรเป็นที่ยอมรับกันในทางวิทยาศาสตร์และนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมากเช่นเดียวกันด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฝึกกายธรรมจินตภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น