บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

นักศึกษาสาขาวิชาการเงิน ชั้นปีที่ 2/2554 คนที่ห้า

ครั้งที่ 1วันพุธ ที่ เดือน ตุลาคม  พ.ศ.2554

วันนี้ได้ฝึกนั่งสมาธิแบบที่ไม่เคยนั่งที่ไหนมาก่อน โดยดร.มนัส บอกว่าให้นั่งในท่าที่ทำให้เราสบาย ไม่อึดอัด และให้นึกตามที่ ดร.มนัส พูด คือให้เรานึกถึงดวงใส ซึ่งหากยังคิดไม่ออก ก็ให้คิดถึงสิ่งกลมๆ ซึ่งอนุญาตให้นึกถึงสามสีคือ ขาว แดง เหลือง ซึ่งดิฉันได้นึกถึงลูกสนุกเกอรสีขาว ดร.มนัสให้นึกถึงว่าอยู่ในท้อง โดยไม่ต้องไปคำนึงว่าจะอยู่ตรงกลางหรือไม่ แค่ให้รู้ว่าตอนนี้อยู่ในท้องเรา และให้เลื่อนดวงใสมาที่รูจมูก (ผู้หญิงให้นึกว่าอยู่ด้านซ้าย ผู้ชายอยู่ด้านขวา) แล้วเลื่อนมาที่หัวตา (ผู้หญิงให้นึกว่าอยู่ด้านซ้าย ผู้ชายอยู่ด้านขวา) และก็นึกให้มาอยู่กลางศีรษะและเลื่อนลงมาอยู่ที่ท้อง และ ดร.มนัสก็จะถามว่ามีใครเห็นดวงใสแล้วหรือยัง ซึ่งในวันนี้ เมื่อดร.มนัสถามครบทั้ง สาม รอบ ดิฉันยังไม่เห็นดวงใสเลย อาจเป็นเพราะดิฉันอยากจะเห็นดวงใสมากเกินไปทำให้จิตใจดิฉันไม่ปล่อยวางกับสิ่งที่ดิฉันนึกคิด อยากรู้ อยากเห็น

ครั้งที่ 2 วันพุธ ที่ เดือน ตุลาคม  พ.ศ.2554

วันนี้ดร.มนัส ก็ให้พวกเรานั่งสมาธิแบบเดิมอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่สองแล้ว วันนี้ดิฉันก็ยังคงเริ่มต้นด้วยการนึกให้ดวงใสเป็นสนุกเกอรสีขาวอยู่ ซึ่งในกานั่งสมาธิในครั้งนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากครั้งแรกที่ผ่านมา เนื่องจากวันนี้ดิฉันต้องส่งงานบทความของดร. ทำให้จิตใจของดิฉันไม่สงบ ไม่เกิดการปล่อยวางกับเรื่องงานที่ต้องส่ง ทำให้ดิฉันยังไม่เห็นดวงใสอีกเช่นเคย

ครั้งที่ 3 วันพุธ ที่ 14 เดือน ธันวาคม  พ.ศ.2554

เป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับการนั่งสมาธิในห้องเรียนของพวกเรา วันนี้ดิฉันมีความตั้งใจอย่างมากในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ซึ่งครั้งนี้ดิฉันก็ยังคงนึกให้ดวงใสเป็นลูกสนุกเกอรอยู่แต่เปลี่ยนสีจากสีขาว เปลี่ยนมาเป็นสีแดง ดิฉันก็นึกตามที่ดร.มนัส บอก และเมื่อดร.มนัส ถามว่ามีใครเห็นดวงใสแล้วหรือยัง ในรอบแรกและรอบสองที่ดร.มนัส ถามดิฉันยังมองไม่เห็น แต่เมื่อดร.มนัส ถามในรอบที่สามดิฉันเห็นดวงใส ซึ่งดร.มนัส บอกว่าเห็นนานไม่นานไม่เป็นไร ขอแค่ให้เห็น ดิฉันซึ่งเห็นดวงใสแล้วแต่ไม่กล้ายกมือ และรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยที่ได้เห็นดวงใส และดิฉันก็กลัวว่าดวงใสนั้นจะหายไป และใช่แล้วค่ะ ดวงใสนั้นหายไปจริงๆ แต่ดิฉันก็พยายามจะนึกใหม่ ดร.มนัส ก็บอกให้คิดว่าใจเป็นเข็มเย็บผ้าแล้วหมุนขวาเพื่อให้ดวงใสของเราที่อยู่ในท้องอยู่นิ่ง แล้วให้นึกว่าในดวงใสเรามีพระหน้าตัก 5 15 20 วาอยู่ในท้องตามลำดับ และวันนี้ดร.มนัส ก็ได้ให้เราถามกับองค์พระถึงเรื่องส่วนตัว ซึ่งเมื่อดิฉันถามไปท่านก็ไม่ตอบหรือมีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น อาจเนื่องมาจากจิตของดิฉันยังอ่อนอยู่ จึงไม่สามารถสื่อสารกับท่านได้

ครั้งที่ 4วันพุธ ที่ 4 เดือน มกราคม พ.ศ.2555

วันนี้นั่งสมาธิครั้งที่ 4 แล้ว ดร.มนัส ก็ยังให้พวกเรานั่งเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา และวันนี้ดิฉันก็ยังคงนึกให้ดวงใสเป็นลูกสนุกเกอรสีแดงอยู่เช่นเดิมแต่สิ่งที่แตกต่างจากครั้งที่แล้วก็คือ ดิฉันเห็นดวงใสเมื่อดร.มนัส ถามว่าใครเห็นดวงใสแล้วในรอบที่สอง ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ดิฉันไม่ได้ยกมือ วันนี้เห็นดวงใสแต่ดิฉันก็รู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่าแล้ว แต่ดิฉันก็ยังคงเห็นดวงใสเพียงไม่กี่วินาทีเช่นเดิม ดร.มนัส ได้บอกว่าอย่าไปกังวลถ้าเรารู้สึกเหมือนจะตกเก้าอี้เพราะเมื่อกี้นี้เรายังนั่งบนเก้าอี้อยู่ แต่เมื่อดิฉันนั่งในวันนี้ก็รู้สึกเหมือนจะตกเก้าอี้ เมื่อรู้สึกจะตกเก้าอี้ก็นั่งเกรงตัว จนทำให้ไม่ค่อยมีสมาธิแต่ก็พยายามตั้งสติกลับมาให้เพื่อปฏิบัติต่อ วันนี้ก็ยังคงปฏิบัติเหมือนเดิมคล้ายๆกับครั้งที่ผ่านๆมา และวันนี้ดิฉันก็ได้ถามเรื่องส่วนของดิฉันกับองค์พระอีกครั้ง วันนี้องค์พระไม่พูดอะไรเช่นเคย แต่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วท่านก็หายไป ดิฉันไม่รู้ว่าการยิ้มแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่ดิฉันก็ดีใจที่วันนี้ดิฉันสามารถสื่อสารกับองค์พระท่านได้แล้วนิดหน่อย

ครั้งที่ 5 วันพุธ ที่ 26 เดือน มกราคม พ.ศ.2555

วันนี้นั่งสมาธิในครั้งที่ 5 แล้ว ดิฉันก็ยังคงเห็นดวงใสในรอบที่สองที่ดร.มนัส ได้ถามอยู่เช่นเคยวันนี้ในขณะที่ดิฉันนั่งสมาธิอยู่นั้นรู้สึกเหมือนจะตกเก้าอี้ แต่ครั้งนี้ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรและวันนี้เมื่อนั่ง ปฏิบัติตามคำที่ ดร.มนัส พูดไปเรื่อยๆเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเบามากขึ้น คล้ายว่าจะลอยได้จึงตกใจและลืมตาขึ้นดูแต่ก็ยังเห็นตัวเองนั่งบนเก้าอี้อยู่จึงได้นั่งสมาธิและปฏิบัติตามที่ดร.มนัส พูดต่อ วันนี้ได้คุยกับองค์พระและถามไถ่เรื่องส่วนตัวซึ่งในครั้งนี้ท่านยกมือตอบ ดิฉันเลยถามเรื่องครอบครัวของดิฉัน ท่านก็ยิ้มให้ดิฉันอีกครั้งแล้วท่านก็หายไป ถึงแม้ท่านจะไม่ได้ตอบดิฉันทุกคำถามแต่ดิฉันก็รู้สึกดีใจที่ดิฉันมีการพัฒนาในตัวเองยิ่งขึ้น

ครั้งที่ 6 วันพุธ ที่ 1 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555

วันนี้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถทำให้จิตใจสงบได้ เนื่องจากวันนี้ต้องเสนอบทความให้ดร.มนัส จึงทำให้จิตใจดิฉันคิดแต่เรื่องงานจนสามารถทำมีสมาธิในการนั่งได้ ถึงแม้ว่าดร.มนัส จะบอกแล้วก็ตามว่าโอกาสที่เราจะคิดเรื่องอื่นมีได้ตลอดเวลา แต่เรื่องนี้ไม่โอกาสไม่มากนักที่จะได้ทำ แต่ยังไงแล้วดันก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติกายธรรมได้ในวันนี้

ครั้งที่ 7 วันพุธ ที่ 8 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555

วันนี้ได้ฝึกกายธรรมนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนี้อาจารย์มีวิธีการพูดที่เร็วขึ้นทำให้ดิฉันปฏิบัติตามไม่ทันและเกิดอาการสับสน ทำให้การปฏิบัติในครั้งนี้ดิฉันก็ยังคงปฏิบัติได้เท่าเดิมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ในขณะที่ดร.มนัส ได้เพิ่มวิธีปฏิบัติมากขึ้น ดิฉันรู้สึกเสียดายโอกาสในครั้งนี้ที่ดิฉันไม่สามารถปฏิบัติต่อไปได้ แต่ดิฉันก็ยังคงนั่งสมาธิตามแบบเดิมที่เคยทำผ่านๆมา แต่การนั่งสมาธิในครั้งนี้ดิฉันรู้สึกเหนื่อยมากเมื่อแผ่เมตตาเสร็จ ทำเอาดิฉันต้องหมอบนอนไปกับโต๊ะ เหมือนดิฉันถูกกระชากวิญญาณออกจากตัว อาจเกิดมาจากดิฉันไม่เคยนั่งสมาธินานขนาดนี้มาก่อนก็เป็นได้

ครั้งที่ 8 วันพุธ ที่ 15 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555

วันนี้เป็นการนั่งสมาธิครั้งสุดท้าย ในการนั่งสมาธิครั้งที่แล้วนึกว่านานแล้ว แต่ครั้งนี้นานยิ่งกว่า และในครั้งนี้ ดร.มนัส ก็ยังคงพูดเร็วเหมือนครั้งท่านมา ซึ่งดิฉันก็ยังคงปฏิบัติแต่แบบเดิมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเช่นกัน ทำให้ดิฉันไม่สามารถมองเห็น รัตนะ 7 ได้ ซึ่งดิฉันมีความรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพลาดในสิ่งดีๆแบบนี้ไป แต่ดิฉันก็นั่งฝึกกายธรรมวนกลับไปกลับมารอเพื่อนๆ และดิฉันก็ได้แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล ซึ่งวันนี้เมื่อนั่งสมาธิเสร็จดิฉันมีความรู้สึกเหนื่อยกว่าครั้งที่ผ่านมา

สรุป

จากการนั่งสมาธิ 8 ครั้งที่ผ่านมา อาจจะมีได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ก็เกิดจากการปฏิบัติของตัวเราเอง ซึ่งเมื่อทำแล้ว ทำให้ดิฉันมีความสุข จิตใจสงบนิ่ง สมองปลอดโป่ง คลายเครียดได้ ทำให้ดิฉันชอบที่จะนั่งสมาธิมากขึ้น หากดิฉันมีเวลาว่าง ดิฉันก็จะนั่งสมาธิแบบนี้อีก




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น