บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

นักศึกษาสาขาวิชาการเงิน ชั้นปีที่ 2/2554 คนที่หนึ่ง

ในภาคเรียนที่ 2/2554 ผมสอนนักศึกษาจำนวน 2 ห้องคือ นักศึกษาสาขาวิชาการเงิน ชั้นปีที่ 2/2554 และนักศึกษาสาขาวิชาการตลาด ชั้นปีที่ 1/2554

ผมขอความร่วมมือจากนักศึกษาให้ฝึกกายธรรมจินตภาพจำนวน 8 ครั้ง เมื่อผมสอนไปได้ 6 ครั้งแล้ว เหลืออีก 2 ครั้งจึงสอนวิชาขอรัตนะเจ็ดให้กับนักศึกษา

เนื่องจากนักศึกษาทุกคนนับถือศาสนาพุทธ จึงสามารถสอนวิชาขอรัตนะเจ็ดให้กับนักศึกษาได้ สอนการสอนกายธรรมจินตภาพนั้น เพื่อให้เป็นการสอนที่สากล ศาสนาไหนก็ควรเรียนได้

นักศึกษาที่เขียนประสบการณ์ของการฝึกกายธรรมจินตภาพมาส่ง ดังนี้


ครั้งที่๑  วันพุธที่    เดือน ตุลาคม  พ.ศ.๒๕๕๔

การนั่งสมาธิในห้องเรียนวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร  ของ ดร.มนัส  โกมลฑา  เป็นครั้งแรกของข้าพเจ้าและกลุ่มของพวกเราและนักศึกษาในห้อง FN.๒/๔ เพราะว่าไม่มีอาจารย์ท่านใดนำหลักการนั่งสมาธิในชั้นเรียนมาใช้กับพวกเราสักครั้ง  และนักศึกษาทุกคนในห้อง FN.๒/๔  คงคิดเหมือนข้าพเจ้าว่าการนั่งสมาธินั่งไปเพื่อสิ่งใด  อย่างไร  ได้อะไร 
แต่ก่อนจะทำการนั่งสมาธิ  ดร.มนัสได้บอกก่อนว่าการนั่งสมาธิ  ทำให้สมองปรอดโปร่ง  เบาสบาย  ร่างกายมีความรู้สึกเบา  จิตใจสงบร่มเย็น  มีสติรู้สึกตัวตลอดเวลาทำให้เป็นคนคนมีบุคลิกที่ดี  ดร.มนัส  จะพูดอย่างนี้ทุกครั้งก่อนนั่งสมาธิ

หลักการนั่งสมาธิของ ดร.มนัส  คือ  นั่งตัวตรง  ไม่คิดอะไรสิ่งใดอยู่ในสมอง  ปล่อยวางทุกสิ่งที่ทำที่คิด  กำหนดลมหายใจเข้าออก  ผู้ชายหายใจทางด้านขวา  ผู้หญิงหายใจทางด้านซ้าย  นึกถึงดวงแก้วใสๆ  ชัดไม่ชัดไม่เป็นไร  ไม่ควรพยายามนึกใช้จินตนาการ  ถ้าคิดเป็นอย่างอื่นให้พักสักครู่หนึ่ง  แล้วกลับมานึกถึงดวงแก้วใสๆ

ถ้าใครได้แล้วเอาไว้ที่ดวงตาที่ ๓ และนำดวงแก้วใสๆ มาไว้เหนือศูนย์กลางของร่างกาย คือ เหนือสะดือ ขยายใหญ่ขึ้น นำเข็มหมุดแทงตรงกลางดวงแก้วใสๆ หมุนไปทางขวา 

เว้นระยะเวลาสักพักหนึ่งถ้าเห็นองค์พระพูดคุยกับท่านหรือถ้าท่านไม่โต้ตอบให้ถามและให้ท่านพยักหน้าหรือตอบว่าใช่หรือไม่ใช่  อาจารย์จะทำแบบนี้ ๓ รอบด้วยกัน 

ปรากฏว่าในรอบที่ ๑ และ ครั้งที่ ๒  ข้าพเจ้าไม่พบดวงแก้วใสๆ พบแต่ทุ่งหญ้าสีเขียว ลมพัดเย็นๆ ท้องฟ้ายามราตรี  ล้อมรอบด้วยดวงดาว  แต่ในรอบที่ ๓ ข้าพเจ้าพบแต่ดวงแก้วใส ๆ แต่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควร  แต่สามารถสัมผัสถึงความโปร่ง  เบาร่างกาย  สบายตัว

ครั้งที่ ๒ วันพุธ  ที่  เดือน ตุลาคม  พ.ศ.๒๕๕๔

เป็นครั้งที่ ๒ ที่ข้าพเจ้าได้นั่งสมาธิ  ดร.มนัส พูดแบบเดิมตามที่กล่าวไว้ข้างต้น  ในการนั่งสมาธิในรอบที่ ๑  ของครั้งที่ ๒ ยังไม่พบดวงแก้วใสๆ แต่ในรอบที่ ๒ ข้าพเจ้าได้พบดวงแก้วใสๆ ขนาดใหญ่ชัดเจนมาก

ไม่รู้เป็นเพราะเหตุผลใดหรืออาจเป็นเพราะวันนี้ข้าพเจ้าได้ตื่นมาสวดมนต์ตอนตีห้า  และทำตามขั้นตอนของ ดร.มนัส ทุกประการ  และในช่วงสนทนากับองค์พระมีการสนทนาเรื่องราวต่างๆ ที่อยากทราบ

ครั้งที่ ๓  วันพุธที่ ๑๔ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔

การนั่งสมาธิในครั้งที่ ๓ สามารถพบดวงแก้วใสๆ ได้ในรอบที่ ๑ ทันที และปฏิบัติตามขั้นตอนของ ดร. มนัส ทุกประการ แต่การนั่งครั้งนี้คล้ายตัวเหมือนจะตกจากเก้าอี้ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้มีความง่วงนอนแม้แต่น้อยแต่ ดร.มนัส ได้บอกว่าไม่เป็นอะไร  มันแค่เป็นความรู้สึก  แต่ทำให้ข้าพเจ้ามีร่างกายเบาสบาย มีสติมากขึ้นทุกครั้ง

ครั้งที่ ๔ วันพุธที่ ๔  เดือน มกราคม พ.ศ.๒๕๕๕

การนั่งสมาธิในครั้งนี้ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คือ พบดวงแก้วใสๆ ตั้งแต่รอบที่ 1 ของการนั่งสมาธิครั้งที่ ๔ ร่างกายโปร่ง เบาสบาย  และมีการสนทนาธรรมกับองค์พระ  ดวงแก้วใส ๆ ขยายใหญ่มากกว่าทุกครั้ง  สว่างสดใสมากกว่าทุกครั้ง

ครั้งที่ ๕ วันพุธที่ ๒๖ เดือน มกราคม พ.ศ.๒๕๕๕
ในการนั่งสมาธิครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมากขึ้น พัฒนามากกว่าเดิมคือการสนทนากับองค์พระมากกว่าเดิม จากเดิมพูดไม่กี่ประโยค แต่ครั้งนี้ได้พูดคุยกันหลายประโยค

ได้มีการถามปัญหาและปรึกษาแก้ไขในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องปัญหาของการเรียน ความรัก สุขภาพ ครอบครัว  โชคลาภ   การงานในอนาคต  และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

ครั้งที่ ๖ วันพุธ ที่ ๑ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๕

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้  ข้าพเจ้ามีความรู้สึกสุขกายสุขใจ  จิตใจโปร่งสบาย ร่างกายรู้สึกเบาทำให้เห็นดวงแก้วชัดยิ่งกว่าชัดใสวิ๊งๆ  ทำให้วันนั้นของข้าพเจ้าเบิกบาน อย่างบอกไม่ถูก มันดีจริงๆการนั่งสมาธิ

นั่งสมาธิครั้งที่ ๗ วันพุธ ที่ ๘ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๕
การนั่งสมาธิในครั้งนี้ การนั่งโดยทั่วไปก็เหมือนเดิมแต่ช่วงหลังๆ ดร.มนัส ได้พูดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องหลักสูตรเบื้องกลางมี ๒ วิชาคือ  การขอรัตนะ๗ และการตรวจดูจักรพรรดิในเรือน มีดังนี้

การขอรัตนะ๗ คือจักรพรรดิ  คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประเภทหนึ่งมีรูปร่างเหมือนมนุษย์แต่กายละเอียดใส  ทรงเครื่องคล้ายรามเกียรติ์  ดังนี้อาจารย์ได้กล่าวไว้ในบล็อกแต่ข้าพเจ้าไม่เห็นจักรพรรดิ

ข้าพเจ้าเห็นพระพุทธรูปใสๆๆแต่ไม่ใช่สมัยปัจจุบันราวกับอยู่ในสมัยอยุธยา มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีขนาดใหญ่มากๆ  และได้ทำการสนทนากันอยู่พอสมควรในเรื่องต่างๆ ที่ข้าพเจ้าต้องการทราบ  รูปร่างของพระพุทธรูปมีดังนี้

ส่วนในเรื่องรัตนะ๗  ได้แก่ จักรแก้ว  ช้างแก้ว  ม้าแก้ว  นางแก้ว  แก้วมณี  ขุนพลแก้ว  ขุนพลคลัง  ที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ในห้องเรียนตอนฝึกจินตภาพครั้งที่๗  ปรากฏว่าข้าพเจ้าพบแค่ ๕ อย่างเท่านั้น มีดังนี้

๑. จักรแก้ว



๒. ช้างแก้ว

๓. ม้าแก้ว

๔. นางแก้ว

๕. มณีแก้ว


นั่งสมาธิครั้งที่ ๘ วันพุธ ที่ ๑๕ เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๕

ในการนั่งครั้งสุดท้ายก็เหมือนกับครั้งที่๗  คือ รัตนะ๗ แต่มีการสนทนากันในครั้งที่ 8 ได้ถามนางแก้วเกี่ยวกับการเรียนและเรื่องความรักว่าคนรักเก่าจะกลับมาหรือไม่ 

นางแก้วไดตอบกลับมาว่าได้กลับมาอย่างแน่นอนโดยไม่มีมือที่ ๓ เข้ามาเกี่ยวข้อง  ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกดีและเบาจิตใจไปมากกว่าเดิม

สรุปการนั่งจินตภาพ

ตั้งแต่ครั้งที่ ๑-๘ พบว่าข้าพเจ้ามีพัฒนาการทางด้านความคิดอารมณ์  สติมากขึ้นกว่าแต่ก่อนและที่สำคัญจิตใจยังสงบอีกด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น